การประมูลพื้นไม้สนามกีฬา 22 มม.
ในการสร้างหรือปรับปรุงสนามกีฬาที่ได้มาตรฐาน พื้นสนามถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการใช้งาน ความปลอดภัยของนักกีฬา และอายุการใช้งานของสนามกีฬา พื้นไม้หนา 22 มิลลิเมตรถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสำหรับสนามกีฬาระดับมืออาชีพ เนื่องจากมีความหนาพอเหมาะ ทนทานต่อแรงกระแทก และรองรับการใช้งานหนักในระยะยาวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามบาสเกตบอล วอลเลย์บอล และแบดมินตัน ที่ต้องการพื้นไม้ที่มีคุณภาพสูงและรองรับการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของนักกีฬา

ทำไมพื้นไม้หนา 22 มม. ถึงเหมาะกับสนามกีฬา
พื้นไม้ที่มีความหนา 22 มม. จัดอยู่ในระดับที่พอดีระหว่างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของนักกีฬา ทั้งยังให้ความรู้สึกมั่นคงขณะวิ่ง กระโดด หรือเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ลักษณะเด่นของพื้นไม้ 22 มม. ได้แก่:
- ความทนทานสูง: รองรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ดี เหมาะกับการใช้งานระยะยาว
- ความหนาที่สมดุล: ไม่บางจนเสียรูปง่าย และไม่หนาจนเกิดน้ำหนักเกินระบบรองพื้น
- ติดตั้งง่าย: รองรับได้ทั้งระบบพื้นแบบโครงเดี่ยวและโครงสองชั้น
- สามารถขัดและเคลือบใหม่ได้หลายครั้ง: ยืดอายุการใช้งานได้นานกว่า 10-15 ปี
ขั้นตอนการประมูลพื้นไม้สนามกีฬา 22 มม.
การประมูลเพื่อจัดซื้อหรือติดตั้งพื้นไม้สนามกีฬาควรเป็นกระบวนการที่มีรายละเอียดและมาตรฐานรองรับ เพื่อให้ได้วัสดุที่มีคุณภาพและงานติดตั้งที่ได้มาตรฐาน ขั้นตอนสำคัญในการประมูลมีดังนี้:
1. ระบุรายละเอียดทางเทคนิค
ในเอกสาร TOR (Terms of Reference) ควรกำหนดรายละเอียดของพื้นไม้ เช่น:
- ความหนาไม้ 22 มม.
- ชนิดไม้ที่ใช้ (เช่น เมเปิ้ล บีช โอ๊ค)
- ความยาวและความกว้างของแผ่นไม้
- ค่าความชื้นที่เหมาะสม (เช่น 8-12%)
- มาตรฐานระบบพื้น เช่น EN14904 หรือ ASTM F2772
2. การกำหนดระบบโครงสร้างพื้น
ระบบพื้นต้องออกแบบให้รองรับไม้หนา 22 มม. ได้อย่างเหมาะสม เช่น ระบบโครงไม้ระแนง ระบบยางรองพื้น หรือระบบโครงเหล็ก ควรกำหนดให้ผู้เข้าร่วมประมูลเสนอรายละเอียดโครงสร้างพร้อมภาพแบบแปลนและเอกสารรองรับ
3. ตัวอย่างและการทดสอบวัสดุ
ควรขอให้ผู้เสนอราคาส่งตัวอย่างไม้พร้อมเอกสารการทดสอบจากห้องแล็บ เช่น ค่าความแข็งแรง ความหนาแน่น ความสามารถในการดูดซับแรงกระแทก และการยึดเกาะของผิวเคลือบ เพื่อใช้ในการพิจารณาเปรียบเทียบ
4. ประสบการณ์ผู้รับจ้าง
การติดตั้งพื้นสนามกีฬาไม้ต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะทาง ผู้ประมูลควรมีผลงานการติดตั้งสนามกีฬาอย่างน้อย 3 โครงการ และสามารถให้ข้อมูลติดต่อสำหรับตรวจสอบคุณภาพงานย้อนหลังได้
5. การตรวจรับและควบคุมงาน
ในระหว่างการดำเนินงาน ควรมีการตรวจสอบคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เช่น การวางไม้ให้ได้แนว ความเรียบของพื้น และการเคลือบผิว ควรกำหนดให้มีการตรวจรับระยะกลางและระยะสุดท้ายก่อนอนุมัติผลงาน
ประโยชน์ของการใช้พื้นไม้ 22 มม. ในสนามกีฬา
พื้นไม้หนา 22 มม. นอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับผู้เล่นกีฬาอีกด้วย ประโยชน์หลักมีดังนี้:
- รองรับแรงกระแทกได้ดี: เหมาะกับกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวสูง ลดการบาดเจ็บของข้อต่อ
- สวยงามและเป็นธรรมชาติ: ไม้จริงให้ความรู้สึกอบอุ่นและดูมืออาชีพ
- ดูแลรักษาง่าย: สามารถขัดเคลือบผิวใหม่เมื่อเริ่มเสื่อมสภาพ
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: หากใช้ไม้ที่ผ่านการรับรอง FSC หรือ PEFC
ข้อควรระวังในการประมูล
- ควรหลีกเลี่ยงไม้ที่มีรอยแตกร้าวหรือมีตาไม้มากเกินไป
- ตรวจสอบแหล่งที่มาของไม้ให้ชัดเจนว่าไม่ผิดกฎหมาย
- ระบบพื้นต้องออกแบบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันปัญหายุบตัวหรือโก่งงอ
- ระวังการใช้สารเคลือบที่มีสารระเหยอันตราย (VOC) สูง
การบำรุงรักษาหลังการติดตั้ง
พื้นไม้ 22 มม. เมื่อผ่านการติดตั้งอย่างถูกต้อง จะสามารถใช้งานได้ยาวนาน หากได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม:
- ควรทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมาก
- หมั่นตรวจสอบความชื้นและอุณหภูมิภายในสนามให้คงที่
- เคลือบผิวใหม่อย่างน้อยทุก 1-2 ปี เพื่อรักษาความเงางามและลดการสึกหรอ
- หลีกเลี่ยงการลากของหนักหรือวัสดุมีคมบนพื้น
สรุป
การประมูลพื้นไม้สนามกีฬา 22 มม. เป็นขั้นตอนสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพและความยั่งยืนของสนามกีฬาอย่างแท้จริง พื้นไม้ชนิดนี้ให้ความสมดุลที่ดีระหว่างความทนทานและความยืดหยุ่น เหมาะกับการใช้งานในระดับแข่งขันและระดับชุมชน หากกระบวนการประมูลมีความโปร่งใส มีมาตรฐานกำหนดชัดเจน และเลือกใช้ผู้รับจ้างที่มีประสบการณ์ จะช่วยให้สนามกีฬาที่ได้มีคุณภาพสูง รองรับการใช้งานได้อย่างปลอดภัย และดูแลรักษาได้ง่ายในระยะยาว
