พื้นสนามกีฬาแบบกระดูกเดี่ยว (Single Batten System) เป็นระบบพื้นไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสนามกีฬาทั่วโลก โดยเฉพาะในสนามบาสเกตบอล วอลเลย์บอล และแบดมินตัน ทั้งในระดับโรงเรียน มหาวิทยาลัย ไปจนถึงสนามแข่งขันระดับนานาชาติ ความโดดเด่นของระบบกระดูกเดี่ยวอยู่ที่ความเรียบง่ายในการติดตั้ง ความยืดหยุ่นในการใช้งาน และต้นทุนที่คุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับระบบโครงสร้างพื้นแบบอื่นๆ บทความนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับอันดับของพื้นสนามกีฬาแบบกระดูกเดี่ยวและปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกใช้งาน

อันดับแรกของพื้นระบบกระดูกเดี่ยวที่ได้รับความนิยม คือพื้นไม้เนื้อแข็งที่ติดตั้งบนโครงไม้กระดูกเดี่ยว โดยทั่วไปจะใช้ไม้เมเปิ้ลหรือไม้เบิร์ชเป็นวัสดุหลัก เพราะไม้ทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติเด่นในด้านความแข็งแรง การยึดเกาะของผิวสัมผัส และการตอบสนองต่อแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงไม้กระดูกเดี่ยวที่อยู่ใต้พื้นจะทำหน้าที่เป็นโครงรองรับแรงแบบแนวยาว ซึ่งช่วยให้พื้นมีความยืดหยุ่นพอเหมาะและสามารถคืนตัวได้เมื่อมีแรงกระแทกจากการวิ่งหรือกระโดด
พื้นระบบนี้ได้รับการจัดอันดับสูงในกลุ่มสนามกีฬาที่ต้องการความมั่นคงในการใช้งานระยะยาว โดยเฉพาะในสนามที่มีการใช้งานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เช่น สนามในโรงเรียนหรือศูนย์ฝึกกีฬา เนื่องจากโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน ทำให้การบำรุงรักษาง่าย และสามารถเปลี่ยนแผ่นไม้หรือโครงกระดูกบางส่วนได้โดยไม่ต้องรื้อพื้นทั้งหมด
นอกจากพื้นไม้เนื้อแข็งแล้ว ยังมีพื้นสนามระบบกระดูกเดี่ยวที่ใช้ไม้ประกอบหลายชั้น (Engineered Wood) ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรในเรื่องของการยืดหดตามสภาพอากาศและลดโอกาสการโก่งตัวของไม้ในระยะยาว พื้นประเภทนี้มักถูกติดตั้งในสนามที่อยู่ในพื้นที่ชื้น หรือสนามที่ต้องควบคุมอุณหภูมิภายในอาคารอย่างสม่ำเสมอ
อันดับถัดมาเป็นพื้นสนามแบบกระดูกเดี่ยวที่มีการเสริมแผ่นยางรองใต้โครงไม้ เพื่อช่วยเพิ่มค่าการดูดซับแรงกระแทก (Shock Absorption) และลดแรงสะท้อนกลับ (Impact Response) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความปลอดภัยของนักกีฬา การเพิ่มแผ่นยางใต้พื้นยังช่วยลดเสียงสะท้อนระหว่างการแข่งขัน และช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้นโดยรวม
ในแง่ของการติดตั้ง พื้นแบบกระดูกเดี่ยวถือว่าใช้เวลาในการติดตั้งน้อยกว่าระบบกระดูกคู่หรือระบบลอยตัว (Floating System) เพราะมีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ต้นทุนโดยรวมลดลง และสามารถควบคุมงบประมาณได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับโครงการที่มีระยะเวลาจำกัดหรือมีงบประมาณที่ต้องบริหารอย่างรอบคอบ
ข้อดีอีกอย่างของพื้นสนามกีฬาแบบกระดูกเดี่ยวคือสามารถปรับระดับได้ในบางระบบ โดยการออกแบบโครงกระดูกให้มีตัวปรับระดับที่ปลายด้านล่าง ช่วยให้สามารถใช้งานกับพื้นที่ที่ไม่เรียบได้ โดยไม่ต้องเทพื้นคอนกรีตใหม่ทั้งแผ่น เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับอาคารเก่าที่ต้องการปรับปรุงพื้นให้ได้มาตรฐานสนามกีฬา
ในแง่ของความสวยงาม พื้นไม้ระบบกระดูกเดี่ยวสามารถเลือกใช้ผิวเคลือบหลากหลายแบบ เช่น ผิวด้าน ผิวกึ่งเงา หรือผิวเงาสูง ซึ่งมีผลต่อความรู้สึกของนักกีฬาและการสะท้อนของแสงภายในสนาม การเลือกผิวเคลือบที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นลูกบอลและป้องกันอาการล้าตาจากแสงสะท้อนโดยไม่จำเป็น
อันดับของพื้นสนามกีฬาแบบกระดูกเดี่ยวยังพิจารณาจากการรับรองมาตรฐาน เช่น DIN 18032-2, EN 14904 หรือ FIBA Level 1 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยืนยันถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความเหมาะสมสำหรับการแข่งขันระดับมืออาชีพ พื้นที่ผ่านการรับรองจะมีคะแนนสูงในด้านความยืดหยุ่น แรงเด้งของลูก ความเร็วในการเคลื่อนไหว และการควบคุมการลื่น
สรุปแล้ว พื้นสนามกีฬาแบบกระดูกเดี่ยวถือเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งด้านงบประมาณ ประสิทธิภาพการใช้งาน และความสะดวกในการดูแลรักษา เหมาะกับสนามกีฬาหลากหลายประเภท ทั้งสนามในร่ม สนามโรงเรียน สนามฝึกซ้อม ไปจนถึงสนามแข่งขันกึ่งมืออาชีพ ผู้ประกอบการควรพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ เช่น ประเภทไม้ ระบบรองรับแรง โครงสร้างพื้น และมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเลือกพื้นกระดูกเดี่ยวที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้งานในระยะยาว
