ระดับพื้นไม้สนามกีฬาไม้เบิร์ช

พื้นไม้สนามกีฬาไม้เบิร์ชเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับสนามกีฬาในร่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสนามบาสเก็ตบอล แบดมินตัน วอลเลย์บอล และฟุตซอล ด้วยคุณสมบัติของไม้เบิร์ชที่แข็งแรง ทนทาน และให้ผิวสัมผัสเรียบเนียน ทำให้เหมาะสมต่อการใช้งานที่ต้องการความปลอดภัย ความคล่องตัว และมาตรฐานในระดับสากล พื้นไม้ชนิดนี้ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพในการใช้งานเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของสนามกีฬาให้ดูเป็นมืออาชีพอีกด้วย

ระดับพื้นไม้สนามกีฬาไม้เบิร์ช
ระดับพื้นไม้สนามกีฬาไม้เบิร์ช

ไม้เบิร์ชเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความหนาแน่นสูง มีลวดลายเสี้ยนไม้ละเอียด สีออกอ่อนนวลถึงเหลืองอ่อน จึงให้ความรู้สึกอบอุ่นและสว่างกับพื้นที่ที่ติดตั้ง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่นที่ดี ทำให้สามารถรองรับแรงกระแทกจากการกระโดดหรือวิ่งได้เป็นอย่างดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของนักกีฬา เช่น การบิดข้อเท้า หรือแรงสะท้อนกลับที่มีผลต่อเข่าและข้อต่อต่าง ๆ

ระบบระดับพื้นไม้สนามกีฬาไม้เบิร์ชมักประกอบด้วย 3 ชั้น ได้แก่

  1. ชั้นผิวหน้า (Top Layer): ใช้ไม้เบิร์ชเกรดคุณภาพ ความหนาโดยเฉลี่ยประมาณ 20-22 มิลลิเมตร ผ่านกระบวนการอบแห้งและขัดผิวอย่างละเอียด เพื่อให้ผิวสัมผัสเรียบและป้องกันการบิดงอ
  2. ชั้นรองพื้น (Shock Absorption Layer): มักเป็นโฟมยืดหยุ่น แผ่นยาง หรือแผ่นไม้อัด เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลในการรองรับแรงกระแทก
  3. ระบบรองรับ (Substructure): ใช้โครงสร้างกระดูกงูเดี่ยวหรือสองชั้น (Single หรือ Double Batten System) ซึ่งช่วยให้พื้นมีความยืดหยุ่นและกระจายน้ำหนักได้ดี

ความโดดเด่นของระบบพื้นไม้เบิร์ชคือ การผสมผสานระหว่างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยไม่เกิดการยุบตัวหรือแตกร้าวง่าย อีกทั้งยังมีผิวที่ทนต่อการขีดข่วน ช่วยให้รักษาความสวยงามของสนามกีฬาได้อย่างยาวนาน

ในด้านการติดตั้ง พื้นไม้เบิร์ชต้องใช้ความแม่นยำสูง โดยเริ่มจากการปรับระดับพื้นให้เรียบ จากนั้นติดตั้งระบบรองพื้นและโครงสร้างคานรองรับ (batten) ตามมาตรฐาน ก่อนจะวางไม้เบิร์ชทีละแผ่น และใช้เครื่องมือเฉพาะในการยึดแผ่นไม้เพื่อให้แน่นหนาไม่โยกหรือหลุดง่าย ขั้นตอนสุดท้ายคือการเคลือบผิวไม้ด้วยสารเคลือบกันลื่นและตีเส้นสนามตามมาตรฐานกีฬา

การดูแลรักษาพื้นไม้สนามเบิร์ชสามารถทำได้ง่าย เพียงทำความสะอาดด้วยไม้ถูพื้นหรือผ้าชุบน้ำหมาด หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไปหรือสารเคมีรุนแรงที่อาจทำลายผิวไม้ได้ และควรมีการขัดเคลือบผิวใหม่ทุก 1-2 ปี เพื่อคงความเงางามและความปลอดภัยในการใช้งาน

พื้นไม้เบิร์ชยังสามารถปรับแต่งให้เข้ากับดีไซน์สนามกีฬาได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเฉดสีที่สว่างขึ้นเพื่อให้สนามดูโปร่งโล่ง หรือการเลือกสีเข้มเพื่อเน้นความเรียบหรู ทั้งยังสามารถตกแต่งด้วยเส้นสนามสีต่าง ๆ เพื่อความชัดเจนในการแบ่งโซนการเล่น

ความนิยมของพื้นไม้เบิร์ชยังมาจากความทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายในอาคาร เช่น อุณหภูมิและความชื้นที่เปลี่ยนแปลง เพราะผ่านการอบแห้งและควบคุมความชื้นในไม้มาเป็นอย่างดี จึงลดโอกาสเกิดปัญหาไม้บิดงอหรือแตกร้าว ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของพื้นไม้ในสนามกีฬาที่ใช้งานหนัก

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่ควรมองข้ามคือ อายุการใช้งานที่ยาวนานของพื้นไม้เบิร์ช ซึ่งสามารถใช้งานได้มากกว่า 10-15 ปี หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การเลือกพื้นไม้เบิร์ชจึงถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับสนามกีฬาที่ต้องการความมั่นคงในระยะยาว ทั้งในระดับโรงเรียน มหาวิทยาลัย สถานกีฬาเอกชน ไปจนถึงสนามแข่งขันระดับมืออาชีพ

สรุปได้ว่า พื้นไม้สนามกีฬาไม้เบิร์ชเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านความปลอดภัย ความสวยงาม และประสิทธิภาพการใช้งาน ด้วยโครงสร้างที่มั่นคง ผิวสัมผัสที่เหมาะสมต่อการเล่นกีฬา และความทนทานต่อการใช้งานหนัก พื้นไม้เบิร์ชจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสนามกีฬายุคใหม่ที่ต้องการยกระดับคุณภาพในทุกมิติ

 

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top