พื้นไม้โอ๊คสำหรับสนามบาสเก็ตบอลถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงาม ความทนทาน และประสิทธิภาพในการใช้งานในระยะยาว ด้วยลวดลายที่โดดเด่นและความแข็งแรงที่เหนือกว่าไม้ทั่วไป ไม้โอ๊คจึงถูกนำมาใช้ในสนามกีฬาทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างยิ่งในการเลือกใช้พื้นไม้ในสถานที่สาธารณะอย่างสนามกีฬา คือ “ระดับการกันไฟ” โดยเฉพาะมาตรฐาน B1 ซึ่งเป็นระดับที่แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยในด้านการหน่วงไฟของวัสดุ

ระดับการกันไฟ B1 เป็นการจำแนกวัสดุที่ติดไฟได้ยาก (Difficult-to-ignite) ตามมาตรฐาน DIN 4102 จากประเทศเยอรมนี โดยวัสดุที่ผ่านเกณฑ์นี้จะสามารถต้านทานไฟได้ในระดับหนึ่ง และมีพฤติกรรมการลุกไหม้ที่ช้ากว่าวัสดุปกติ ถือเป็นเกรดที่เหมาะสมสำหรับวัสดุตกแต่งภายในอาคาร รวมถึงพื้นไม้สนามกีฬาที่มีการใช้งานหนาแน่นและมีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้
ไม้โอ๊คโดยธรรมชาติแล้วเป็นไม้เนื้อแข็ง มีความหนาแน่นสูง และติดไฟได้ยากกว่าหลายชนิด อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ระดับ B1 ยังต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติมผ่านกระบวนการผลิต เช่น การเคลือบสารหน่วงไฟ (Flame Retardant Coating) การแช่ไม้ในสารพิเศษที่สามารถซึมเข้าสู่เนื้อไม้ และช่วยลดอุณหภูมิในการติดไฟ รวมไปถึงการอบไม้ในอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อลดความชื้นที่อาจเป็นตัวเร่งการลุกไหม้
ในสนามบาสเก็ตบอลที่ใช้งานอย่างจริงจังและมีการจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง การเลือกใช้พื้นไม้โอ๊คที่มีระดับการกันไฟ B1 จึงถือเป็นมาตรฐานสำคัญ ไม่ใช่แค่เรื่องของความทนทานต่อแรงกระแทกเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงความปลอดภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น เมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือมีประกายไฟจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสนาม ความสามารถในการต้านทานไฟของพื้นไม้จะช่วยชะลอการลุกลามและให้เวลาสำหรับการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย
อีกประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับระดับ B1 คือการปล่อยควันและสารพิษในระหว่างการเผาไหม้ พื้นไม้โอ๊คที่ผ่านการเคลือบด้วยสารหน่วงไฟคุณภาพสูงจะช่วยลดปริมาณควันที่ปล่อยออกมาเมื่อติดไฟ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้เล่นและผู้ชม เพราะควันคือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการขาดอากาศหายใจและลดทัศนวิสัยในกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้
การติดตั้งพื้นไม้โอ๊คในสนามบาสเก็ตบอลเพื่อให้ได้ระดับ B1 อย่างแท้จริง ยังต้องให้ความสำคัญกับวัสดุที่ใช้ร่วม เช่น ชั้นรองพื้น ฉนวนกันความร้อน และวัสดุยึดติด ควรเลือกใช้วัสดุที่ไม่ติดไฟหรือมีระดับกันไฟในเกณฑ์เดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดจุดอ่อนในระบบพื้นทั้งระบบ การเว้นช่องระบายอากาศและระบบต้านการลุกลามใต้พื้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมความสามารถในการกันไฟอย่างมีประสิทธิภาพ
ในแง่ของการบำรุงรักษา พื้นไม้โอ๊คควรได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ และใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่ทำลายชั้นเคลือบกันไฟ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาหรือเคลือบเงาที่มีส่วนผสมของสารไวไฟ เช่น แอลกอฮอล์เข้มข้น หรือโซลเวนต์ ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพของระบบกันไฟโดยรวม
ระดับการกันไฟ B1 ยังมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบอาคารและผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัยของสถานที่ราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือสนามกีฬาในร่มที่จัดกิจกรรมขนาดใหญ่ การมีเอกสารรับรองระดับกันไฟจากผู้ผลิตวัสดุหรือห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของโครงการ วิศวกรผู้ออกแบบ และหน่วยงานตรวจสอบ
กล่าวโดยสรุป การเลือกใช้พื้นไม้โอ๊คสำหรับสนามบาสเก็ตบอลที่มีคุณสมบัติกันไฟระดับ B1 คือการรวมคุณภาพ ความปลอดภัย และความทนทานไว้ในหนึ่งเดียว พื้นไม้ประเภทนี้ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อความต้องการด้านกีฬาได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่สูงสุด ซึ่งเป็นหัวใจของการออกแบบสนามกีฬาในยุคปัจจุบัน ทั้งในแง่ของการใช้งาน การบำรุงรักษา และการป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
