พื้นสนามกีฬาเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อทั้งความปลอดภัย ประสิทธิภาพการเล่น และความสวยงามของสถานที่ โดยเฉพาะสนามในร่มซึ่งมักใช้วัสดุไม้ในการปูพื้นเพราะให้ความรู้สึกอบอุ่น รองรับแรงกระแทกได้ดี และสร้างบรรยากาศที่เป็นมืออาชีพ ไม้โอ๊คถือเป็นหนึ่งในไม้เนื้อแข็งที่ได้รับความนิยมในการทำพื้นสนามกีฬา เพราะมีคุณสมบัติเด่นในด้านความทนทาน ลายไม้สวย และความแข็งแรง อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก ระดับกันไฟของวัสดุจึงเป็นปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม

ระดับกันไฟ B1 เป็นการจัดประเภทวัสดุตามคุณสมบัติในการต้านทานการลุกลามของไฟ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสำคัญในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย วัสดุที่ได้รับการจัดให้อยู่ในระดับ B1 ต้องสามารถต้านไฟได้ในระดับหนึ่ง คือติดไฟได้ยาก ไม่เป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้ไฟลุกลามเร็ว และเมื่อไม่มีแหล่งความร้อนต่อเนื่องจะดับเองได้ ความสามารถในการปล่อยควันต่ำและไม่ก่อให้เกิดควันพิษมากนักก็เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งของวัสดุในระดับนี้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสนามกีฬาปิดที่มีความเสี่ยงเรื่องอากาศและความปลอดภัยของผู้คน
ไม้โอ๊คเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความหนาแน่นสูง ทนทานต่อแรงกด แรงกระแทก และการใช้งานหนักต่อเนื่อง จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องรองรับกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่น การวิ่ง การกระโดด หรือการเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหันในกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบาสเกตบอล วอลเลย์บอล หรือแบดมินตัน เมื่อไม้โอ๊คผ่านการเคลือบสารป้องกันไฟอย่างถูกต้อง ก็สามารถได้รับการรับรองระดับ B1 ได้เช่นเดียวกับไม้ชนิดอื่น
กระบวนการปรับปรุงไม้โอ๊คให้มีระดับกันไฟ B1 โดยทั่วไปจะรวมถึงการอบแห้งเพื่อให้ความชื้นในไม้ลดลงในระดับเหมาะสม แล้วจึงเคลือบด้วยสารหน่วงไฟชนิดพิเศษที่สามารถซึมเข้าสู่เนื้อไม้และป้องกันการลุกลามของเปลวไฟเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ แม้จะผ่านการเคลือบสารกันไฟแล้ว แต่ไม้โอ๊คยังคงรักษาคุณสมบัติดั้งเดิมไว้ได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสวยงาม ลวดลายที่ดูเป็นธรรมชาติ และผิวสัมผัสที่เหมาะสำหรับการเล่นกีฬา
ในแง่ของการบำรุงรักษา พื้นไม้โอ๊คที่ได้รับการเคลือบสารกันไฟระดับ B1 ยังมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้น เชื้อรา และปลวกได้ดี จึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว อีกทั้งยังคงรูปลักษณ์สวยงามไว้ได้นาน ไม่เกิดการบิดงอหรือแตกร้าวง่ายแม้ใช้งานในพื้นที่ที่มีการใช้งานต่อเนื่องและหนักหน่วง
อีกหนึ่งข้อดีของพื้นไม้โอ๊คคือเรื่องของการดูดซับเสียง ซึ่งช่วยลดเสียงสะท้อนภายในอาคาร สนามกีฬาที่ติดตั้งพื้นไม้โอ๊คจะมีบรรยากาศที่ไม่ดังเกินไป ทำให้ทั้งนักกีฬาและผู้ชมสามารถมีสมาธิในระหว่างการแข่งขันได้ดีขึ้น นอกจากนี้พื้นไม้โอ๊คยังช่วยเพิ่มความรู้สึกเป็นมืออาชีพให้กับสถานที่ และสามารถใช้ได้กับทั้งสนามกีฬาในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ไปจนถึงศูนย์กีฬาในระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ
สำหรับการติดตั้งพื้นไม้โอ๊คให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรอาศัยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการวางระบบพื้นแบบลอยตัว (floating floor system) หรือระบบพื้นที่มีการรองรับแรงกระแทก ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นิยมในสนามกีฬาสมัยใหม่ การติดตั้งที่ถูกต้องไม่เพียงแค่ช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้น แต่ยังลดโอกาสการบาดเจ็บของนักกีฬา และช่วยให้พื้นสนามมีแรงดีดกลับที่เหมาะสมตามหลักการออกแบบด้านการกีฬา
สรุปได้ว่า การเลือกใช้พื้นไม้โอ๊คที่ผ่านการรับรองระดับกันไฟ B1 เป็นทางเลือกที่เหมาะสมทั้งในแง่ของความปลอดภัย ประสิทธิภาพการใช้งาน และภาพลักษณ์ของสนามกีฬา ด้วยคุณสมบัติของไม้โอ๊คที่ทั้งแข็งแรง ทนทาน และสามารถตกแต่งให้ดูดีได้ในระยะยาว ประกอบกับการผ่านกระบวนการเคลือบกันไฟอย่างถูกวิธี ก็ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานและผู้บริหารสถานที่กีฬาในการสร้างสนามที่ทั้งปลอดภัยและเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
