การปรับแต่งพื้นไม้จริงในสนามวอลเลย์บอลเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ด้านวัสดุ การออกแบบระบบโครงสร้าง และความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะการใช้งานของกีฬาประเภทนี้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง “ราคา” ของการปรับแต่งพื้นไม้กีฬา ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคานั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นประเภทของไม้ที่ใช้ ระบบพื้นรองรับแรงกระแทก กระบวนการติดตั้ง รวมไปถึงการขัด เคลือบ และตีเส้นสนาม ราคาจึงแตกต่างกันออกไปตามคุณภาพและรายละเอียดของแต่ละโครงการ

หนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อราคาหลักคือประเภทของไม้ที่นำมาใช้ โดยไม้เมเปิ้ล (Maple) มักเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับพื้นสนามวอลเลย์บอล เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทก และมีพื้นผิวเรียบที่เหมาะกับการเล่นกีฬา แต่ในขณะเดียวกันราคาของไม้เมเปิ้ลก็สูงกว่าไม้ประเภทอื่น เช่น ไม้ยางพาราหรือไม้เต็ง ซึ่งอาจมีต้นทุนถูกกว่าแต่ประสิทธิภาพก็อาจน้อยกว่าในระยะยาว
ระบบโครงสร้างใต้พื้นก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ ระบบพื้นไม้สนามกีฬาสมัยใหม่มักใช้ระบบลอยตัว (Floating System) หรือระบบยึดแน่น (Anchored System) ซึ่งแต่ละระบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เช่น ระบบลอยตัวจะมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับกีฬาในร่มที่ต้องการลดแรงกระแทก แต่มีราคาสูงกว่า ในขณะที่ระบบยึดแน่นจะติดตั้งง่ายและต้นทุนต่ำกว่า แต่รองรับแรงกระแทกได้น้อยลง ซึ่งมีผลต่อความรู้สึกขณะเล่นและความปลอดภัยของนักกีฬา
ขั้นตอนในการปรับแต่งพื้นไม้ก็มีผลต่อราคาด้วยเช่นกัน เริ่มตั้งแต่การเตรียมพื้นคอนกรีต ตรวจสอบความชื้น การติดตั้งโครงสร้างรองพื้น การปูไม้จริง ไปจนถึงการขัดพื้น เคลือบสารกันลื่น และตีเส้นสนามวอลเลย์บอล ทุกขั้นตอนต้องใช้แรงงานที่มีความชำนาญ เครื่องมือที่ทันสมัย และความแม่นยำสูง หากต้องการมาตรฐานระดับแข่งขันหรือระดับมืออาชีพ ราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามคุณภาพงานและวัสดุที่เลือกใช้
อีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามคือขนาดของสนามวอลเลย์บอล โดยสนามมาตรฐานจะมีขนาดประมาณ 9 x 18 เมตร แต่หากรวมพื้นที่กันชนรอบสนาม ราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามพื้นที่จริงที่ต้องติดตั้งและปรับแต่ง นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงสภาพพื้นที่เดิม เช่น หากพื้นเดิมมีปัญหาความชื้นหรือไม่เรียบ อาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการปรับสภาพพื้นก่อนติดตั้งไม้จริง
สำหรับราคาประเมินโดยทั่วไป การปรับแต่งพื้นไม้สนามวอลเลย์บอลที่ใช้ไม้เมเปิ้ลเกรดดี พร้อมระบบรองรับแรงกระแทกแบบลอยตัว และงานขัดเคลือบครบถ้วน จะอยู่ที่ประมาณ 2,500 – 4,000 บาทต่อตารางเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของวัสดุและมาตรฐานการติดตั้ง หากเลือกใช้วัสดุหรือระบบที่มีต้นทุนต่ำกว่านี้ ราคาก็อาจลดลงเหลือประมาณ 1,200 – 2,000 บาทต่อตารางเมตร แต่คุณภาพและความทนทานก็อาจลดลงตามไปด้วย
นอกจากต้นทุนวัสดุและแรงงาน ยังมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ที่ควรคำนึงถึง เช่น ค่าขนส่งไม้จากแหล่งผลิต ค่าภาษี ค่าดำเนินงานโครงการ หรือค่าที่ปรึกษาทางเทคนิค หากโครงการอยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือในต่างจังหวัด อาจมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งและที่พักทีมงานเพิ่มเติม ซึ่งส่งผลต่อราคาสุดท้ายของการปรับแต่งพื้นไม้สนาม
ผู้ที่กำลังวางแผนจะปรับปรุงหรือสร้างสนามวอลเลย์บอลใหม่ ควรพิจารณาปัจจัยทั้งหมดนี้ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะหากเป็นสนามที่ต้องใช้แข่งขันหรือฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง การลงทุนในวัสดุคุณภาพและทีมติดตั้งที่มีประสบการณ์จะคุ้มค่าในระยะยาว เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง และให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่าสำหรับนักกีฬา
ในขณะเดียวกัน หากงบประมาณจำกัด ก็สามารถเลือกใช้วัสดุทางเลือก เช่น ไม้พื้นจากไม้ท้องถิ่นที่ผ่านการอบแห้งอย่างถูกวิธี ร่วมกับระบบโครงสร้างที่ออกแบบให้รองรับแรงกระแทกได้ดีในระดับหนึ่ง เพื่อควบคุมงบประมาณไม่ให้บานปลาย และยังคงคุณภาพในการใช้งานให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
โดยสรุป ราคาในการปรับแต่งพื้นไม้กีฬาไม้จริงในสนามวอลเลย์บอลขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ทั้งวัสดุที่ใช้ ระบบโครงสร้าง พื้นที่ติดตั้ง มาตรฐานงาน และปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ผู้จัดการโครงการควรเปรียบเทียบราคาหลายแหล่ง พร้อมศึกษาคุณสมบัติของวัสดุและผลงานที่ผ่านมาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุดในงบประมาณที่มี และที่สำคัญ ควรมีแผนการบำรุงรักษาหลังติดตั้งอย่างต่อเนื่องเพื่อยืดอายุการใช้งานของพื้นไม้ให้ยาวนานและปลอดภัยตลอดการใช้งาน
