พื้นไม้สนามกีฬาเมเปิ้ลเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการก่อสร้างสนามกีฬาทั้งระดับมืออาชีพและสมัครเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสนามบาสเกตบอล สนามวอลเลย์บอล หรือสนามแบดมินตันที่ต้องการความแข็งแรง ทนทาน และความสวยงามของพื้นสนามที่ได้มาตรฐาน ไม้เมเปิ้ลถือเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้งานในสนามกีฬา ทั้งในเรื่องของความทนแรงกระแทก ความยืดหยุ่น และผิวสัมผัสที่เรียบลื่นไม่ลื่นเกินไป ช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บของผู้เล่นได้เป็นอย่างดี

ราคาพื้นไม้สนามกีฬาเมเปิ้ลนั้นจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความหนาของไม้ เกรดของไม้ ระบบพื้นรองรับ วิธีการติดตั้ง และงานตกแต่งผิวหน้าไม้ โดยทั่วไปแล้ว ไม้เมเปิ้ลที่ใช้ในสนามกีฬาจะมีความหนาอยู่ที่ 20-22 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่สามารถรองรับแรงกระแทกจากการวิ่ง กระโดด หรือเปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับราคาของพื้นไม้เมเปิ้ลที่มีคุณภาพดีพร้อมติดตั้งแบบครบวงจร มักจะเริ่มต้นตั้งแต่ 2,500 บาทต่อตารางเมตร ไปจนถึง 4,500 บาทต่อตารางเมตร ทั้งนี้ราคาสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับปัจจัยที่กล่าวถึงข้างต้น เช่น หากเลือกใช้ไม้เมเปิ้ลเกรดพรีเมียมจากอเมริกาเหนือ ราคาจะสูงกว่าไม้เมเปิ้ลที่ปลูกในเอเชีย เนื่องจากมีความหนาแน่นและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นก็มีผลต่อราคาอย่างมีนัยสำคัญ สนามกีฬาที่ต้องการความปลอดภัยสูงมักเลือกใช้ระบบพื้นแบบลอยตัว (Floating System) หรือระบบพื้นแบบโครงสองชั้น (Double Layer Subfloor) ซึ่งช่วยรองรับแรงกระแทกจากการกระโดดและลดการสะสมแรงสั่นสะเทือน ค่าติดตั้งระบบเหล่านี้อาจเพิ่มต้นทุนอีกประมาณ 500 – 1,000 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ เช่น แผ่นยาง PU หรือโฟมกันกระแทกใต้พื้นไม้
นอกจากโครงสร้างแล้ว การเคลือบพื้นไม้ก็เป็นขั้นตอนสำคัญที่มีผลต่อทั้งความสวยงามและอายุการใช้งาน พื้นไม้เมเปิ้ลที่ติดตั้งในสนามกีฬามักเคลือบด้วยสารยูรีเทนหรือแลคเกอร์หลายชั้น เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนและลดการสึกหรอจากการใช้งานประจำวัน การเคลือบผิวนี้จะเพิ่มค่าใช้จ่ายประมาณ 200 – 400 บาทต่อตารางเมตร
พื้นไม้เมเปิ้ลยังสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับลักษณะของกีฬาแต่ละประเภท เช่น การทำเส้นสนามตามมาตรฐานกีฬา การเพิ่มชั้นเคลือบกันลื่น หรือแม้กระทั่งการเพิ่มระบบล็อกเพื่อให้แผ่นไม้แนบสนิทกันมากขึ้น ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน แต่ก็เพิ่มค่าใช้จ่ายในภาพรวมเช่นกัน
ข้อดีที่ทำให้ไม้เมเปิ้ลได้รับความนิยมสูง คือ ความทนทานต่อแรงกระแทก อายุการใช้งานยาวนานถึง 15-20 ปี หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม สีของไม้เมเปิ้ลมีลักษณะอ่อน สว่าง และมีลวดลายเรียบง่าย ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ และเข้ากับการออกแบบสนามสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว อีกทั้งไม้เมเปิ้ลยังไม่บิดงอง่ายเมื่อเจอกับความชื้นหรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ทำให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมในประเทศเขตร้อน
ในแง่ของการดูแลรักษา พื้นไม้เมเปิ้ลควรทำความสะอาดด้วยผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาด หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีแรง ๆ และควรเคลือบพื้นใหม่ทุก 3-5 ปี เพื่อรักษาคุณภาพของผิวไม้ให้ดูดีอยู่เสมอ สนามที่ใช้งานอย่างต่อเนื่องอาจต้องมีการตรวจเช็กและซ่อมแซมเป็นระยะเพื่อยืดอายุการใช้งาน
โดยสรุปแล้ว ราคาพื้นไม้สนามกีฬาเมเปิ้ลอยู่ในระดับกลางถึงสูงเมื่อเทียบกับวัสดุปูพื้นประเภทอื่น แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความปลอดภัย ประสิทธิภาพในการเล่นกีฬา และความทนทานในระยะยาว จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับสนามที่ต้องการมาตรฐานระดับมืออาชีพ การเลือกใช้ไม้เมเปิ้ลจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจในคุณภาพของสนามและประสบการณ์ของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
