ราคาต่อเมตรของพื้นไม้สนามกีฬา

พื้นไม้สนามกีฬาถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพของการแข่งขัน ความปลอดภัยของผู้เล่น และภาพลักษณ์โดยรวมของสนาม ไม่ว่าจะเป็นสนามบาสเกตบอล วอลเลย์บอล แบดมินตัน หรือฟุตซอล พื้นไม้ที่ได้มาตรฐานสามารถช่วยลดแรงกระแทก เพิ่มความยืดหยุ่น และส่งเสริมสมรรถนะของนักกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในคำถามที่มักพบจากผู้ที่มีแผนจะก่อสร้างหรือปรับปรุงสนามกีฬาคือ “ราคาต่อเมตรของพื้นไม้สนามกีฬาอยู่ที่เท่าไหร่?” คำตอบของคำถามนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน

ราคาต่อเมตรของพื้นไม้สนามกีฬา
ราคาต่อเมตรของพื้นไม้สนามกีฬา
  1. ประเภทของไม้ที่ใช้ปูพื้นสนามกีฬา

ไม้ที่นำมาใช้ทำพื้นสนามกีฬามีหลายชนิด แต่ชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่:

  • ไม้เมเปิ้ล (Maple): แข็งแรง ทนทาน มีผิวเนียนละเอียด ทนต่อแรงกระแทกสูง เหมาะสำหรับสนามบาสเกตบอลระดับแข่งขัน
  • ไม้โอ๊ค (Oak): มีลายไม้ชัดเจน สวยงาม แข็งแรงพอสมควร ราคาย่อมเยากว่าไม้เมเปิ้ล
  • ไม้ยางพารา: ใช้กันมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ราคาถูก แต่ต้องเลือกไม้ที่ผ่านกระบวนการอบแห้งที่มีคุณภาพ
  • ไม้เต็ง/ไม้เนื้อแข็งเขตร้อน: นิยมใช้ในบางพื้นที่ของไทย มีความทนทานต่อสภาพอากาศร้อนชื้น

แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อราคาต่อเมตรของพื้นโดยตรง

  1. รูปแบบของโครงสร้างพื้น

พื้นไม้สนามกีฬามักประกอบด้วยหลายชั้น ไม่ใช่เพียงแค่แผ่นไม้เท่านั้น โดยทั่วไปมีองค์ประกอบดังนี้:

  • ชั้นรองพื้นกันความชื้น (Moisture Barrier)
  • ชั้นโฟมยางดูดซับแรงกระแทก
  • ชั้นโครงไม้ (Battens)
  • พื้นไม้จริง

ระบบโครงสร้างสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก:

  • ระบบโครงเดี่ยว (Single Layer Batten): ใช้ไม้รองพื้นเพียงชั้นเดียว ราคาประหยัด
  • ระบบโครงคู่ (Double Layer Batten): เสริมความแข็งแรงและยืดหยุ่นสูงขึ้น
  • ระบบลอยตัว (Floating System): ไม่ยึดติดกับพื้นคอนกรีตโดยตรง ช่วยลดแรงสะเทือนอย่างมีประสิทธิภาพ
  1. ราคาต่อเมตรของพื้นไม้สนามกีฬา (โดยประมาณ)

เพื่อให้เข้าใจชัดเจน เราสามารถแบ่งราคาต่อเมตรตามประเภทไม้และระบบโครงสร้างดังนี้:

ประเภทไม้ ระบบโครงสร้าง ราคาต่อเมตร (โดยประมาณ)
ไม้เมเปิ้ลเกรด A โครงคู่/ลอยตัว 1,800 – 2,500 บาท/เมตร
ไม้เมเปิ้ลเกรด B โครงเดี่ยว 1,200 – 1,800 บาท/เมตร
ไม้โอ๊ค โครงเดี่ยว 900 – 1,500 บาท/เมตร
ไม้ยางพาราอบแห้ง โครงเดี่ยว 700 – 1,200 บาท/เมตร
ไม้เต็งหรือไม้เนื้อแข็งไทย โครงคู่ 1,000 – 1,600 บาท/เมตร

หมายเหตุ: ราคาดังกล่าวไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และอาจเปลี่ยนแปลงตามพื้นที่ติดตั้งหรือช่วงเวลา

  1. ปัจจัยอื่นที่มีผลต่อราคา
  • ความหนาของไม้: ไม้หนากว่า ราคาก็จะสูงขึ้น
  • การเคลือบผิว: หากใช้ระบบเคลือบยูรีเทนหรืออะคริลิกแบบพิเศษ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
  • การตีเส้นสนาม: มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 50–150 บาท/ตร.ม.
  • ค่าขนส่งและแรงงาน: หากสถานที่ก่อสร้างอยู่ไกลหรืออยู่ในพื้นที่ยากต่อการขนส่ง อาจมีค่าขนส่งเพิ่ม
  1. ข้อดีของการเลือกพื้นไม้คุณภาพดี

แม้ว่าการติดตั้งพื้นไม้สนามกีฬาจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็มีข้อดีที่คุ้มค่าระยะยาว เช่น:

  • เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้เล่น ลดความเสี่ยงบาดเจ็บ
  • ให้ความรู้สึกนุ่มแน่น เหมาะกับการวิ่ง กระโดด หรือเคลื่อนไหวรวดเร็ว
  • อายุการใช้งานยาวนานถึง 15–25 ปี หากดูแลดี
  • เสริมภาพลักษณ์สนามกีฬาให้ดูเป็นมืออาชีพ
  1. การดูแลรักษาพื้นไม้สนามกีฬา

เพื่อให้พื้นไม้มีอายุการใช้งานนาน ควรดูแลดังนี้:

  • ทำความสะอาดด้วยไม้กวาดหรือเครื่องดูดฝุ่นเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงน้ำหกหรือความชื้นสะสม
  • เคลือบพื้นใหม่ทุก 2–3 ปี
  • หลีกเลี่ยงการลากของหนักบนพื้นโดยตรง
  1. สรุปภาพรวมราคาและความคุ้มค่า

หากพิจารณาในระยะยาว พื้นไม้คุณภาพดีพร้อมโครงสร้างมาตรฐานสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และลดการเปลี่ยนพื้นในอนาคต ราคาต่อเมตรของพื้นไม้สนามกีฬาโดยรวมแล้วจะอยู่ในช่วง 700 – 2,500 บาทต่อเมตร ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกและระบบโครงสร้างที่ใช้

การเลือกพื้นไม้สนามกีฬาที่เหมาะสมควรคำนึงถึงความต้องการใช้งาน งบประมาณ และคุณภาพโดยรวม หากสามารถเลือกได้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้สนามมีความปลอดภัย สวยงาม และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว

 

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top