พื้นไม้บาสเกตบอลถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นกีฬา ความปลอดภัยของผู้เล่น และความสวยงามของสนาม หนึ่งในวัสดุที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในวงการก่อสร้างสนามบาสเกตบอลคือ “ไม้โอ๊ค” (Oak) ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงและทนทาน โดยเฉพาะในสนามระดับกลางถึงระดับพรีเมียมที่ต้องการทั้งคุณภาพและรูปลักษณ์ระดับมืออาชีพ

ไม้โอ๊คมีโครงสร้างเนื้อไม้ที่แน่น เส้นใยแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทกได้ดี และมีอายุการใช้งานยาวนาน ลวดลายของไม้โอ๊คมีความสวยงามเฉพาะตัว ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและหรูหรา จึงเหมาะสำหรับสนามบาสเกตบอลในอาคารที่ต้องการความเป็นทางการ เช่น สนามในโรงเรียนเอกชน มหาวิทยาลัย หรือศูนย์กีฬาในร่มที่มีผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง
พื้นไม้บาสเกตบอลโอ๊คมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับเกรดของไม้และระบบโครงสร้างรองพื้น โดยทั่วไป ความหนาของแผ่นไม้ที่ใช้จะอยู่ที่ประมาณ 22 มิลลิเมตร ถึง 25 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นความหนามาตรฐานสำหรับสนามกีฬาที่ต้องรองรับแรงกระแทกและการใช้งานหนัก โดยไม้โอ๊คจะช่วยลดแรงสะเทือนที่ส่งผ่านจากพื้นกลับไปยังผู้เล่น จึงช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
ราคาพื้นไม้บาสเกตบอลโอ๊คต่อตารางเมตรจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น แหล่งที่มาของไม้ (นำเข้าหรือภายในประเทศ), วิธีการอบไม้ (อบแห้งด้วยเตาหรือแห้งธรรมชาติ), ความหนา, เกรดของไม้ และวิธีการติดตั้ง โดยเฉลี่ยแล้ว ราคาจะอยู่ในช่วง 2,800 ถึง 5,000 บาทต่อตารางเมตร หากเป็นไม้โอ๊คนำเข้าเกรดพรีเมียม ราคาสามารถสูงถึง 5,500 บาทต่อตารางเมตรได้
ระบบโครงสร้างใต้พื้นไม้สามารถเลือกได้ทั้งแบบโครงกระดูกเดี่ยว (Single Joist) และโครงกระดูกคู่ (Double Joist) หากต้องการลดต้นทุนและใช้งานในระดับทั่วไป โครงกระดูกเดี่ยวจะเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะติดตั้งง่ายและใช้วัสดุน้อยกว่า ส่วนโครงกระดูกคู่จะให้ความยืดหยุ่นมากกว่า เหมาะสำหรับสนามแข่งขันหรือการใช้งานระดับมืออาชีพ
อีกหนึ่งจุดเด่นของพื้นไม้โอ๊คคือความสามารถในการดูแลรักษาง่ายและไม่เปราะบาง ไม้ชนิดนี้สามารถขัดและเคลือบใหม่ได้หลายรอบ โดยทั่วไปแล้วการขัดและเคลือบผิวไม้ใหม่ทุก 3-5 ปี จะช่วยให้พื้นดูใหม่อยู่เสมอ ทั้งยังสามารถป้องกันการสึกหรอจากการใช้งานหนักและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้เล่นได้อีกด้วย
การติดตั้งพื้นไม้โอ๊คต้องอาศัยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดระดับพื้นให้เรียบเสมอ การเว้นช่องว่างเผื่อไม้ขยายตัวตามอุณหภูมิ และการใช้วัสดุกันชื้นใต้พื้นเพื่อป้องกันการบวมหรือบิดงอ หากติดตั้งอย่างถูกต้อง พื้นไม้โอ๊คสามารถใช้งานได้นานหลายสิบปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่
พื้นไม้โอ๊คยังมีคุณสมบัติในการดูดซับเสียง จึงช่วยลดเสียงสะท้อนในอาคารขนาดใหญ่ เพิ่มความเงียบสงบให้กับสนามและช่วยให้ผู้เล่นมีสมาธิในการแข่งขัน นอกจากนี้ ไม้โอ๊คยังให้แรงเด้งของลูกบาสเกตบอลได้ดี ทำให้การเล่นมีความสมจริงและสนุกมากยิ่งขึ้น
หากเปรียบเทียบกับไม้เมเปิล ซึ่งเป็นที่นิยมในการทำสนามบาสเกตบอลระดับสากล ไม้โอ๊คจะมีราคาที่ใกล้เคียงกันในบางเกรด แต่ให้ลวดลายและโทนสีที่แตกต่าง เหมาะกับผู้ที่ต้องการดีไซน์สนามที่ดูอบอุ่นและคลาสสิกมากกว่าสไตล์โมเดิร์น
โดยสรุป พื้นไม้บาสเกตบอลโอ๊คเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับสนามที่ต้องการความสมดุลระหว่างความแข็งแรง ความสวยงาม และความทนทาน แม้ว่าราคาจะสูงกว่าไม้ยางพาราหรือไม้พื้นเมืองทั่วไป แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความมั่นใจในคุณภาพ ความปลอดภัยของผู้เล่น และภาพลักษณ์ที่ยกระดับสนามให้ดูมีมาตรฐานระดับสากล เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มองการลงทุนระยะยาวในโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพและยั่งยืน
