พื้นไม้จริงเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในหลากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กีฬา โรงเรียน สำนักงานของรัฐ หรือหน่วยงานท้องถิ่น เนื่องจากให้ความรู้สึกอบอุ่น มีความแข็งแรง ทนทาน และยังแสดงถึงภาพลักษณ์ที่เป็นทางการและเป็นมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม การสั่งทำพื้นไม้จริงสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ นั้น จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างรอบด้าน ทั้งในส่วนของวัสดุ การติดตั้ง การบำรุงรักษา และอายุการใช้งานในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อการจัดทำงบประมาณขององค์กร

ปัจจัยแรกที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายคือประเภทของไม้ที่เลือกใช้ โดยพื้นไม้จริงในท้องตลาดมีหลายประเภท เช่น ไม้เนื้อแข็ง (Hardwood) เช่น ไม้เมเปิ้ล ไม้โอ๊ค หรือไม้เต็ง และไม้เนื้ออ่อน (Softwood) เช่น ไม้สน หรือไม้ยางพารา ไม้เนื้อแข็งมักมีราคาสูงกว่า แต่มีความทนทานต่อแรงกด แรงกระแทก และการใช้งานหนัก เหมาะกับหน่วยงานที่มีการใช้งานพื้นที่เป็นประจำ เช่น ห้องประชุม โรงยิม หรือห้องฝึกอบรม ขณะที่ไม้เนื้ออ่อนอาจเหมาะกับพื้นที่สำนักงานหรือพื้นที่ที่ไม่ต้องรองรับน้ำหนักมาก ราคาของไม้จริงต่อหนึ่งตารางเมตรอาจอยู่ที่ 1,500 – 4,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิด ความหนา และเกรดของไม้
อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือโครงสร้างพื้นรองรับ หน่วยงานที่ต้องการใช้งานพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว ควรลงทุนกับระบบพื้นแบบมีโครงสร้างรองรับแรงกระแทก ซึ่งประกอบด้วยชั้นกันชื้น ชั้นรองรับแรง และโครงไม้เนื้อแข็งเพื่อเสริมความมั่นคง ระบบนี้จะมีราคาสูงกว่าการติดตั้งไม้แบบติดกับพื้นปูนโดยตรง แต่มีข้อดีในด้านการลดแรงสั่นสะเทือน ป้องกันความเสียหายของไม้ และช่วยยืดอายุการใช้งาน ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างรองรับอาจเพิ่มอีก 500 – 1,500 บาทต่อตารางเมตร
ขนาดพื้นที่ที่ต้องปูพื้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ยิ่งพื้นที่มาก ค่าใช้จ่ายรวมก็จะเพิ่มขึ้นตาม ตัวอย่างเช่น หากหน่วยงานมีแผนจะปูพื้นไม้จริงในห้องประชุมขนาด 100 ตารางเมตร ด้วยไม้เกรดกลาง ราคาประมาณ 2,500 บาทต่อตารางเมตร รวมโครงสร้างรองรับและค่าแรงติดตั้ง รวมทั้งหมดอาจอยู่ที่ 300,000 บาทขึ้นไป ซึ่งยังไม่รวมค่าอุปกรณ์เสริม เช่น บัวเชิงผนัง หรือรางป้องกันขอบพื้น
ในด้านค่าแรงติดตั้ง พื้นไม้จริงจำเป็นต้องใช้ช่างที่มีทักษะเฉพาะทาง โดยเฉพาะหากเป็นการติดตั้งในพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือพื้นที่ที่มีความซับซ้อน เช่น ห้องที่มีเสา แปลนรูปตัวแอล หรือพื้นที่ที่มีระดับพื้นไม่เท่ากัน ค่าแรงอาจอยู่ที่ 300 – 600 บาทต่อตารางเมตร และต้องใช้เวลาในการติดตั้งหลายวันถึงหลายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความละเอียดของงาน
การเคลือบพื้นและตกแต่งผิวไม้ก็เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่จำเป็นหลังจากติดตั้ง โดยพื้นไม้จริงจำเป็นต้องเคลือบด้วยสารป้องกันรอยขีดข่วน ป้องกันความชื้น และให้ผิวสัมผัสที่เหมาะกับการใช้งานในหน่วยงานแต่ละประเภท สารเคลือบคุณภาพดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานของไม้ได้หลายปี และมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 100 – 300 บาทต่อตารางเมตร ทั้งนี้ ควรมีการเคลือบซ้ำทุก 1-2 ปี เพื่อคงคุณสมบัติของพื้นไม้ให้อยู่ในสภาพดี
นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขนส่งไม้จากแหล่งผลิตมายังสถานที่ติดตั้ง ซึ่งจะเพิ่มขึ้นตามระยะทางและน้ำหนักวัสดุ โดยเฉพาะกรณีที่เลือกใช้ไม้เกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ อาจต้องคำนวณค่าขนส่งและภาษีนำเข้าเพิ่มเติม ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ค่าตรวจสอบคุณภาพวัสดุ ค่าปรับระดับพื้นก่อนติดตั้ง และค่าบำรุงรักษาในระยะยาว เช่น การขัดผิวไม้ การแก้ปัญหาไม้โก่ง หรือการเปลี่ยนแผ่นไม้บางส่วนเมื่อเกิดความเสียหาย
สำหรับหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ การวางแผนล่วงหน้าและเปรียบเทียบราคาจากหลายผู้ให้บริการเป็นสิ่งจำเป็น ควรเลือกวัสดุและระบบติดตั้งที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าทั้งในแง่คุณภาพและงบประมาณในระยะยาว
กล่าวโดยสรุป การสั่งทำพื้นไม้จริงสำหรับหน่วยงานจำเป็นต้องพิจารณาหลายด้าน ทั้งประเภทไม้ ระบบโครงสร้าง พื้นที่ใช้งาน ค่าแรงติดตั้ง รวมถึงค่าเคลือบและบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอาจมีค่าใช้จ่ายสูงในช่วงเริ่มต้น แต่หากเลือกอย่างเหมาะสม พื้นไม้จริงจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน และตอบสนองความต้องการของหน่วยงานได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
