การออกแบบพื้นไม้สนามบาสเกตบอลไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่การเลือกชนิดของไม้เท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดทางเทคนิคอีกหลายด้านที่ต้องพิจารณา หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของพื้นสนาม คือ “ระยะห่างของโครงกระดูกเดี่ยว” ซึ่งเป็นโครงสร้างรองรับพื้นไม้ด้านล่าง โครงกระดูกเดี่ยวนี้ไม่เพียงแต่เป็นฐานในการรับน้ำหนัก แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการกระจายแรงกระแทก และสร้างความยืดหยุ่นให้กับพื้นผิว จึงเป็นปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามในการสร้างสนามบาสเกตบอลระดับมาตรฐาน

โครงกระดูกเดี่ยว (Single Joist) คือระบบที่ใช้ไม้หรือวัสดุรองรับแนวเดียวต่อเนื่องใต้พื้นไม้ ซึ่งโครงสร้างนี้จะถูกติดตั้งในแนวขวางของแผ่นไม้พื้น โดยทั่วไป ระยะห่างระหว่างโครงกระดูกแต่ละชิ้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-50 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับความหนาของไม้พื้น ชนิดของไม้ และความต้องการด้านการใช้งาน การเลือกระยะห่างที่เหมาะสมมีผลโดยตรงต่อความมั่นคง ความยืดหยุ่น และความปลอดภัยของพื้นสนาม
หากระยะห่างของโครงกระดูกเดี่ยวแคบเกินไป (เช่น น้อยกว่า 30 ซม.) จะทำให้พื้นมีความแข็งและแน่นเกินไป ไม่สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ส่งผลให้แรงสะท้อนกลับไปยังข้อเท้าหรือหัวเข่าของนักกีฬามากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บ ในทางกลับกัน หากระยะห่างมากเกินไป (เช่น เกินกว่า 50 ซม.) พื้นจะมีลักษณะยุบตัวง่าย ไม่แน่นหนา และอาจเกิดการโก่งตัวหรือแตกร้าวในระยะยาว
การกำหนดระยะห่างของโครงกระดูกจึงควรยึดตามมาตรฐานที่ผ่านการทดสอบและพิสูจน์แล้วว่าเหมาะสมกับกีฬาประเภทบาสเกตบอล เช่น ระยะห่าง 40 ซม. ถือว่าเป็นระยะที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถสร้างสมดุลระหว่างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของพื้นได้อย่างลงตัว และยังช่วยให้พื้นไม้กระจายแรงได้ดี รองรับน้ำหนักได้มากโดยไม่เกิดความเสียหาย
นอกจากนี้ การคำนึงถึงชนิดของไม้ที่ใช้ทำพื้นก็มีผลต่อการเลือกระยะห่างของโครงกระดูกเดี่ยว หากใช้ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้เมเปิ้ล ไม้โอ๊ก หรือไม้เบิร์ช อาจสามารถเว้นระยะห่างได้กว้างขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากไม้ประเภทนี้มีความแข็งแรงในตัวสูง แต่ถ้าใช้ไม้เนื้ออ่อนหรือไม้ที่มีความหนาน้อย ควรลดระยะห่างลงเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้พื้น
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องคือระบบดูดซับแรงกระแทกที่มักติดตั้งร่วมกับโครงกระดูกเดี่ยว เช่น แผ่นยางหรือโฟมที่ติดตั้งใต้โครงไม้ ซึ่งมีหน้าที่ช่วยลดแรงกระแทกและเพิ่มความนุ่มให้กับพื้นผิว จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสนามบาสเกตบอลให้ปลอดภัยและสบายในการเล่นมากขึ้น
การติดตั้งโครงกระดูกเดี่ยวที่มีระยะห่างเหมาะสมยังช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้นสนาม ลดโอกาสการแตกร้าวหรือยุบตัวในอนาคต และลดต้นทุนการซ่อมแซมในระยะยาว อีกทั้งยังส่งผลต่อความสม่ำเสมอของพื้น ทำให้การกระดอนของลูกบาสเกตบอลเป็นไปอย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมระดับมืออาชีพ
ในกระบวนการติดตั้งจริง ช่างผู้เชี่ยวชาญจะต้องวัดและจัดวางโครงกระดูกอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกชิ้นอยู่ในระนาบเดียวกัน และมีระยะห่างที่สม่ำเสมอทั้งสนาม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่รับแรงกดมาก เช่น ใต้แป้นบาส ควรมีการเสริมโครงไม้ให้แน่นหนาเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันความเสียหายจากการกระโดดลงอย่างรุนแรง
กล่าวโดยสรุป ระยะห่างของโครงกระดูกเดี่ยวในพื้นไม้สนามบาสเกตบอลมีบทบาทสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เป็นตัวแปรที่กำหนดทั้งคุณภาพ ความทนทาน และความปลอดภัยของสนาม หากออกแบบและติดตั้งอย่างถูกต้อง จะช่วยให้พื้นสนามมีประสิทธิภาพสูงสุด รองรับการใช้งานอย่างหนักหน่วงได้อย่างยาวนาน และมอบประสบการณ์การเล่นที่ดีที่สุดแก่ผู้เล่นทุกระดับ