พื้นไม้สำหรับสนามกีฬาเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการเล่นกีฬา ความปลอดภัยของนักกีฬา และภาพลักษณ์โดยรวมของสถานที่ โดยเฉพาะพื้นไม้เมเปิ้ลบีช ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในสนามบาสเกตบอล สนามแบดมินตัน ฟิตเนส และสนามกีฬาในร่มอื่น ๆ ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง ยืดหยุ่น และมีอายุการใช้งานยาวนาน ราคาก่อสร้างพื้นไม้ประเภทนี้จึงเป็นหัวข้อที่หลายหน่วยงานให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด

การกำหนดราคาก่อสร้างพื้นไม้เมเปิ้ลบีชนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยทั่วไปแล้วจะมีองค์ประกอบหลักดังนี้
- ประเภทของไม้เมเปิ้ลบีช
ไม้เมเปิ้ลบีชแบ่งออกได้เป็นหลายเกรด ขึ้นอยู่กับคุณภาพของไม้ เช่น สี ความหนาแน่น ลายไม้ และความชื้นของเนื้อไม้ ไม้เกรด A ที่มีลักษณะสวยงามและมีความทนทานสูง มักมีราคาสูงกว่าไม้เกรด B หรือ C ซึ่งเหมาะกับการใช้งานทั่วไป ราคาของไม้เมเปิ้ลบีชอยู่ในช่วง 1,500 – 3,000 บาท ต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับเกรดและแหล่งที่มาของไม้ - โครงสร้างระบบรองพื้น (Subfloor System)
พื้นไม้กีฬาไม่ใช่เพียงแค่แผ่นไม้ที่ปูลงไปเท่านั้น แต่ต้องมีระบบรองพื้นเพื่อรองรับแรงกระแทก เพิ่มความยืดหยุ่น และลดอาการบาดเจ็บ เช่น ระบบลอยตัว (Floating System) หรือระบบรองพื้นแบบมีโช้คอัพ (Shock Absorption System) ระบบเหล่านี้อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายอีก 800 – 2,000 บาท ต่อตารางเมตร - ขนาดพื้นที่ก่อสร้าง
พื้นที่ยิ่งใหญ่ ราคาต่อหน่วยอาจลดลงเพราะประหยัดในด้านวัสดุและค่าแรงแบบเหมา แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นพื้นที่ขนาดเล็กก็อาจมีค่าใช้จ่ายต่อหน่วยสูงกว่าโดยเฉพาะเมื่อต้องสั่งวัสดุเฉพาะทางหรือใช้แรงงานเฉพาะด้าน ค่าใช้จ่ายโดยรวมของสนามหนึ่งอาจเริ่มต้นที่ประมาณ 300,000 บาทขึ้นไป - ค่าติดตั้งและแรงงาน
การติดตั้งพื้นไม้กีฬาเมเปิ้ลบีชต้องอาศัยทีมช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์ ไม่เพียงแต่ต้องทำให้ได้ระดับเรียบตรง แต่ยังต้องเผื่อการขยายตัวของไม้ในช่วงอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอีกด้วย ค่าบริการติดตั้งโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 400 – 1,000 บาท ต่อตารางเมตร - งานเคลือบผิวและตกแต่ง
หลังจากติดตั้งแล้ว พื้นไม้ต้องผ่านกระบวนการขัดเรียบ ลงแลคเกอร์ และวาดเส้นสนาม ซึ่งขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มความเงางาม ความทนทานต่อรอยขีดข่วน และความปลอดภัยในการใช้งาน ราคาค่าเคลือบผิวอยู่ในช่วง 200 – 500 บาท ต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับชนิดของเคลือบและจำนวนชั้นที่ต้องทำ - ค่าบำรุงรักษาในระยะยาว
แม้ว่าจะไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการก่อสร้าง แต่การบำรุงรักษาเช่น การเคลือบซ้ำทุก 2-3 ปี หรือการซ่อมแซมจุดที่เสียหาย ล้วนเป็นต้นทุนที่ควรคำนวณไว้ล่วงหน้า การบำรุงรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุของพื้นไม้ไปได้มากกว่า 15 ปี - ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ
เช่น ค่าเดินทางของทีมงาน ค่าขนส่งวัสดุ สถานที่ตั้งของสนาม ฤดูกาลก่อสร้าง และต้นทุนเฉพาะทางอื่น ๆ เช่น ระบบควบคุมความชื้นในอาคาร ล้วนส่งผลต่อราคาสุดท้ายของโครงการก่อสร้าง
สรุปราคาประมาณการต่อ 1 ตารางเมตร (สำหรับสนามมาตรฐาน):
- ค่าวัสดุไม้เมเปิ้ลบีช: 2,000 บาท
- ค่าโครงสร้างระบบรองพื้น: 1,200 บาท
- ค่าติดตั้ง: 600 บาท
- ค่าขัดและเคลือบผิว: 300 บาท
รวม: ประมาณ 4,100 บาท ต่อตารางเมตร
สนามขนาดมาตรฐานสำหรับกีฬาในร่ม เช่น บาสเกตบอล (ประมาณ 420 ตารางเมตร) อาจมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดประมาณ 1.7 – 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุและความซับซ้อนของงานก่อสร้าง
ข้อดีของการเลือกพื้นไม้เมเปิ้ลบีช
- มีความยืดหยุ่นดี ลดแรงกระแทกต่อข้อต่อของนักกีฬา
- มีความแข็งแรงและทนทาน เหมาะกับการใช้งานหนัก
- ให้สัมผัสที่ดีในการเล่นกีฬา โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวเร็ว
- เพิ่มภาพลักษณ์ที่สวยงามและดูเป็นมืออาชีพของสถานที่
การลงทุนในพื้นไม้เมเปิ้ลบีชจึงไม่ใช่เพียงการสร้างพื้นที่เล่นกีฬา แต่ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าและมาตรฐานของสนามกีฬาในระยะยาว การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และทีมงานติดตั้งที่เชี่ยวชาญ จะช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในอนาคตได้อย่างมาก