ราคาต่อหน่วยของพื้นไม้กีฬาที่ดีกว่า
การเลือกวัสดุสำหรับพื้นกีฬาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการสร้างสนามกีฬาให้มีคุณภาพ ทั้งในแง่ของความทนทานและความปลอดภัยสำหรับนักกีฬา พื้นไม้กีฬาที่ดีกว่า (Better Sports Flooring Wood) ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกีฬาในร่ม เช่น บาสเกตบอล, วอลเลย์บอล, หรือแบดมินตัน เพราะไม้กีฬามีความยืดหยุ่นสูง รองรับแรงกระแทกได้ดี และช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการกระโดดหรือการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
พื้นไม้ที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงจากนักกีฬา เช่น ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และการทนทานต่อแรงกระแทก สำหรับพื้นไม้กีฬาที่ดีกว่า มักจะใช้ไม้เนื้อแข็งที่มีความทนทานสูง เช่น ไม้โอ๊ค ไม้เมเปิ้ล หรือไม้เบิร์ช โดยเฉพาะไม้เมเปิ้ลซึ่งมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นสูง พร้อมกับสามารถรองรับแรงกระแทกจากการกระโดดได้ดี นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการคืนรูปจากการใช้งานหนัก ทำให้พื้นไม้ที่ดีไม่เพียงแต่มีอายุการใช้งานยาวนาน แต่ยังช่วยให้การเล่นกีฬาในสนามปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ราคาของพื้นไม้กีฬาที่ดีกว่าจะมีความแตกต่างตามหลายปัจจัย เช่น คุณภาพของไม้ วิธีการผลิต การเคลือบพื้นไม้ และการติดตั้ง โดยทั่วไปแล้ว ราคาของพื้นไม้กีฬาจะอยู่ในช่วงประมาณ 1,200 บาทถึง 3,500 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับประเภทของไม้ที่เลือกใช้ เช่น ไม้โอ๊ค ไม้เมเปิ้ล หรือไม้เบิร์ช ซึ่งจะมีราคาต่อหน่วยที่แตกต่างกัน
ไม้โอ๊ค (Oak) มักจะมีราคาสูงที่สุด เนื่องจากมีความแข็งแรงและทนทานสูง ใช้ได้ในสนามที่มีการใช้งานหนัก เช่น สนามบาสเกตบอลหรือสนามวอลเลย์บอล ไม้เมเปิ้ล (Maple) เป็นไม้ที่ได้รับความนิยมมากในสนามกีฬา เพราะมันมีความทนทานและยืดหยุ่นสูง ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในสนามที่ต้องรองรับการกระโดดและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ส่วนไม้เบิร์ช (Birch) เป็นไม้ที่มีราคาปานกลาง แต่ยังคงมีความทนทานและรองรับแรงกระแทกได้ดี
การเคลือบพื้นไม้เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเพิ่มความทนทานและอายุการใช้งานของพื้นไม้กีฬาที่ดีกว่า การเคลือบพื้นไม้ด้วยสารเคลือบยูวี (UV coating) หรือการเคลือบเพื่อป้องกันน้ำและความชื้นจะช่วยให้พื้นไม้ไม่เสียหายจากการใช้งานและทำให้พื้นไม้ยังคงสวยงามอยู่เสมอ การเคลือบพื้นยังช่วยป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนหรือการสึกหรอจากการเคลื่อนไหวของนักกีฬา โดยพื้นไม้ที่มีการเคลือบจะดูสะอาดและเงางามตลอดเวลา นอกจากนี้ยังช่วยในการทำความสะอาดพื้นไม้ได้ง่ายขึ้น
การติดตั้งพื้นไม้กีฬาที่ดีกว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน หากการติดตั้งไม่ถูกต้องอาจทำให้พื้นสนามเกิดการบิดเบี้ยวหรือเกิดช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้มได้ การเลือกช่างที่มีประสบการณ์ในการติดตั้งพื้นไม้จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ช่างที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถติดตั้งพื้นไม้ให้เรียบเนียนและแข็งแรง
พื้นไม้กีฬาที่ดีกว่ายังมีข้อดีในด้านความยืดหยุ่นและการรองรับแรงกระแทกได้ดี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการกระโดดหรือการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของนักกีฬา พื้นไม้ชนิดนี้จะช่วยให้กระดูกและข้อต่อของนักกีฬาถูกลดทอนแรงกระแทกจากการลงพื้นได้ ทำให้สามารถเล่นกีฬาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
การดูแลรักษาพื้นไม้กีฬาที่ดีก็ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยสามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือเครื่องดูดฝุ่นเพื่อกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกบนพื้นไม้ การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้พื้นไม้ดูใหม่และไม่เกิดการสะสมของฝุ่นที่อาจทำให้พื้นไม้เสื่อมสภาพได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับพื้นไม้ได้เพื่อรักษาความเงางามของพื้น
สำหรับสนามที่มีการใช้งานหนัก การเลือกพื้นไม้กีฬาที่ดีจะช่วยลดต้นทุนในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนพื้นในระยะยาว เนื่องจากไม้ที่มีคุณภาพดีจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และทนทานต่อการใช้งานจากนักกีฬาได้ดี ดังนั้น การเลือกลงทุนในพื้นไม้กีฬาที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้สนามดูดีและมีคุณภาพ แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
การเลือกพื้นไม้ที่เหมาะสมสำหรับสนามกีฬาจะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆ ด้าน เช่น ประเภทของกีฬา ปริมาณการใช้งาน และงบประมาณที่มี การเลือกพื้นไม้ที่ดีจะช่วยให้สนามกีฬาใช้งานได้ยาวนาน ปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นกีฬาให้สูงสุด พื้นไม้กีฬาที่ดีกว่าคือการลงทุนที่คุ้มค่า ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้สนามกีฬามีความสวยงาม แต่ยังทำให้ผู้เล่นสามารถเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ท้ายที่สุด พื้นไม้กีฬาที่ดีกว่าเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างสนามกีฬาในร่มที่มีคุณภาพและทนทาน การเลือกวัสดุที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการใช้งานและการติดตั้งอย่างมืออาชีพ จะช่วยให้สนามกีฬาของคุณมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับนักกีฬาในระยะยาว