การจำแนกพื้นไม้ในสนามกีฬา 22 มม.

การจำแนกพื้นไม้ในสนามกีฬา 22 มม.

พื้นไม้ในสนามกีฬาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นกีฬาและป้องกันการบาดเจ็บจากการกระแทก ในการเลือกใช้พื้นไม้สำหรับสนามกีฬา หนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงคือพื้นไม้ที่มีความหนา 22 มม. ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานในสนามกีฬา เช่น บาสเกตบอล, วอลเลย์บอล, และฟุตซอล ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับพื้นไม้ 22 มม. และการจำแนกประเภทของมัน เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียในการเลือกใช้วัสดุชนิดนี้

พื้นไม้ 22 มม. มักถูกเลือกใช้ในสนามกีฬาเนื่องจากมีความทนทานและสามารถรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงได้ดี โดยพื้นไม้ที่มีความหนานี้จะมีความแข็งแรงและสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ดีกว่าพื้นไม้ที่บางกว่า นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยให้การเคลื่อนไหวของนักกีฬามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะการกระโดดหรือการเคลื่อนไหวที่ต้องการการรองรับแรงกระแทกจากพื้น

การจำแนกพื้นไม้ในสนามกีฬา 22 มม.
การจำแนกพื้นไม้ในสนามกีฬา 22 มม.

การจำแนกพื้นไม้ 22 มม.

พื้นไม้ 22 มม. ที่ใช้ในสนามกีฬามักจะเป็นพื้นไม้ที่ทำจากไม้ธรรมชาติ ซึ่งสามารถจำแนกออกได้เป็นสองประเภทหลักๆ คือ พื้นไม้ที่ทำจากไม้แข็ง (Hardwood) และพื้นไม้ที่ทำจากไม้อ่อน (Softwood) แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานในสนามกีฬาในลักษณะต่างๆ

  1. พื้นไม้แข็ง (Hardwood)

พื้นไม้แข็งที่มีความหนา 22 มม. มักใช้ในสนามกีฬาที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น สนามบาสเกตบอลและสนามฮ็อกกี้ในร่ม เนื่องจากไม้แข็งจะมีคุณสมบัติในการทนทานต่อการใช้งานที่หนักหน่วงและการกระแทกจากการเคลื่อนไหวของนักกีฬาได้ดี ไม้แข็งที่ใช้ทำพื้นมักมีคุณสมบัติในการยืดหยุ่นและช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการกระโดดหรือการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ทำให้ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บที่เกิดจากการกระแทกพื้น

ไม้แข็งที่ได้รับความนิยมในการทำพื้นสนามกีฬาคือ ไม้เมเปิ้ล (Maple) และไม้โอ๊ค (Oak) ซึ่งทั้งสองชนิดนี้มีความทนทานสูงและเหมาะสมกับการใช้งานในสนามกีฬา ไม้เมเปิ้ลเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงและทนทานต่อการเสียดสี อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นที่ช่วยลดแรงกระแทกได้ดี ส่วนไม้โอ๊คมีลักษณะเนื้อไม้ที่แข็งแรงและทนทานต่อการใช้งานหนัก ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสนามกีฬา

  1. พื้นไม้อ่อน (Softwood)

พื้นไม้อ่อนที่มีความหนา 22 มม. มักใช้ในสนามกีฬาที่ต้องการความนุ่มนวลและรองรับแรงกระแทกได้ดี แต่ไม่จำเป็นต้องรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงมากเกินไป ไม้ที่ใช้ทำพื้นประเภทนี้มักจะเป็นไม้สน (Pine) หรือไม้ซีดาร์ (Cedar) ซึ่งมีลักษณะที่เบากว่าไม้แข็งและมีความยืดหยุ่นที่ดี

พื้นไม้สนหรือไม้ซีดาร์มักใช้ในสนามกีฬา เช่น สนามวอลเลย์บอลหรือสนามซ้อม ที่ต้องการความนุ่มนวลและลดแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหวของนักกีฬา แต่ไม้อ่อนมักจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าไม้แข็ง และไม่ทนทานต่อการกระแทกได้ดีเท่าไม้แข็ง

คุณสมบัติของพื้นไม้ 22 มม.

พื้นไม้ 22 มม. มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานในสนามกีฬา โดยเฉพาะในเรื่องของการรองรับแรงกระแทกและการทนทานจากการใช้งานที่หนักหน่วง การที่พื้นไม้มีความหนา 22 มม. ทำให้มันสามารถทนทานต่อการใช้งานได้ดีกว่าพื้นไม้ที่บางกว่า และยังสามารถรองรับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและการกระโดดของนักกีฬาได้ดี

พื้นไม้ 22 มม. มีคุณสมบัติในการดูดซับแรงกระแทกที่ดี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ โดยเฉพาะการกระโดดหรือการลงจากที่สูง ทำให้พื้นไม้ชนิดนี้เหมาะสมกับการใช้งานในสนามกีฬา ที่ต้องการการรองรับแรงกระแทกจากนักกีฬาอย่างมีประสิทธิภาพ

การบำรุงรักษาพื้นไม้ 22 มม.

การบำรุงรักษาพื้นไม้ 22 มม. มีความสำคัญเพื่อยืดอายุการใช้งานของพื้นไม้ให้ยาวนาน การทำความสะอาดพื้นไม้ควรทำด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ เพื่อลดการเกิดความชื้นในพื้นไม้ ซึ่งอาจทำให้ไม้บวมได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่รุนแรงในการทำความสะอาดพื้นไม้ เพราะอาจทำให้พื้นไม้เกิดความเสียหายได้

นอกจากนี้ การเคลือบพื้นไม้ด้วยสารเคลือบพิเศษสามารถช่วยเพิ่มความทนทานให้กับพื้นไม้ และป้องกันการขีดข่วนจากการใช้งาน อีกทั้งยังช่วยรักษาความสวยงามของพื้นไม้ให้ดูใหม่อยู่เสมอ

ข้อดีและข้อเสียของพื้นไม้ 22 มม.

ข้อดีของพื้นไม้ 22 มม.

  • มีความทนทานและแข็งแรงสูง
  • รองรับการกระแทกจากการเคลื่อนไหวได้ดี
  • เหมาะสำหรับสนามกีฬาที่ต้องการความทนทานและรองรับการใช้งานที่หนักหน่วง
  • อายุการใช้งานยาวนาน
  • การดูแลรักษาค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับวัสดุชนิดอื่นๆ

ข้อเสียของพื้นไม้ 22 มม.

  • ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพื้นไม้ที่บางกว่า
  • อาจต้องการการดูแลรักษาที่พิถีพิถันมากขึ้น
  • หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดี พื้นไม้อาจเสื่อมสภาพได้เร็ว

สรุป

พื้นไม้ 22 มม. เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสนามกีฬาที่ต้องการความทนทานและการรองรับแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหวของนักกีฬาได้ดี ทั้งพื้นไม้แข็งและพื้นไม้อ่อนมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการใช้งานในสนามกีฬา แต่ต้องพิจารณาถึงความต้องการเฉพาะของสนามกีฬาและงบประมาณในการเลือกใช้วัสดุชนิดนี้ การบำรุงรักษาพื้นไม้ 22 มม. อย่างถูกวิธีจะช่วยให้พื้นไม้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นกีฬาได้ดีขึ้น

 

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top